ปวดตา ตาล้า สายตาเพลีย ทำอย่างไรดี ? อ่าน 267,050
ปัจจุบันมักมีผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ด้วยอาการปวดตา ตาล้า สายตาเพลียอยู่บ่อยครั้ง วันนี้เรามีบทสัมภาษณ์ของพญ.ฉัตรชมพู ศรีสุวรรณวัฒนา จักษุแพทย์ชำนาญการด้านกระจกตาและการผ่าตัดแก้ไขสายตาประจำโรงพยาบาลจักษุ รัตนินและศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล มาให้ทุกคนได้อ่านและลองสังเกตกันดูว่าพฤติกรรมใดคือสาเหตุที่ทำให้ปวดตาและจะมีวิธีการป้องกัน ดูแลรักษาอย่างไรได้บ้าง
สาเหตุของอาการปวดตา ตาล้า สายตาเพลีย
สมัยนี้อาการปวดตา ตาล้า สายตาเพลียจะเกี่ยวข้องกับการใช้สายตามากขึ้น เพราะการทำงานในยุคปัจจุบันจะใช้คอมพิวเตอร์และการอ่านหนังสือค่อนข้างมาก ทำให้เกิดอาการเกร็ง อาการเพลีย และอาการตาล้าได้ โดยเฉพาะภาพจากจอคอมพิวเตอร์ที่จะมีการปรับเปลี่ยนตลอด ยิ่งทำให้เราต้องใช้แรงในการเพ่งมากขึ้น รวมทั้งแสงจากจอคอมพิวเตอร์ที่ทำให้เรารู้สึกไม่สบายตามากขึ้นด้วย
แสงจากจอคอมพิวเตอร์ หรือมือถือ ทำให้ปวดตาและระคายเคืองตาได้มากขึ้นหรือไม่
แสงจ้าจอคอมพิวเตอร์จะมีส่วนทำให้เรารู้สึกไม่สบายตาอยู่แล้ว แต่เรื่องหลักๆ ของการใช้คอมพิวเตอร์จะเป็นการที่เราใช้คอมพิวเตอร์ไปนานๆ แล้วเริ่มกระพริบตาน้อยลง ทำให้รู้สึกตาแห้ง ไม่สบายตา และเป็นอาการเกร็งของกล้ามเนื้อภายในตาที่ต้องคอยปรับโฟกัสตลอด
ผู้ที่มีอาการสายตาเพลีย จะมาพบแพทย์ด้วยอาการอะไรบ้าง
ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดตา ตาล้า สายตาเพลีย จะมาด้วยอาการคล้ายๆ กัน ขึ้นกับความรุนแรงของอาการ เช่น บางคนมาด้วยอาการตาแห้งซึ่งมีสาเหตุมาจากการใช้คอมพิวเตอร์มาก หรือในคนที่มีอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อตามากอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วยได้
วิธีป้องกันสายตาเพลีย
ควรพักสายตาประมาณ 30 วินาทีถึง 1 นาที ในทุกๆ การใช้คอมพิวเตอร์ 20 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อตาได้คลายตัว และเพื่อให้ร่างกายมีช่วงเวลาที่หยุดพัก กระพริบตามากขึ้น ซึ่งจะช่วยเรื่องอาการตาแห้ง
หากมีอาการเมื่อยตาไปแล้วจะมีวิธีรักษาอย่างไร
ในรายที่อาการไม่รุนแรง การประคบเย็นและการหยอดน้ำตาเทียม จะช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ แต่ในบางรายที่กล้ามเนื้อภายในตามีการเกร็งตัวมาก ประคบเย็นและหยอดน้ำตาเทียมแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบจักษุแพทย์ เนื่องจากในบางรายอาจจะต้องใช้ยาหยอดเพื่อคลายกล้ามเนื้อตา หรือตรวจเพื่อดูว่ามีปัญหาเกี่ยวกับสายตาอื่นๆ หรือไม่
#บทสัมภาษณ์พญ.ฉัตรชมพู ศรีสุวรรณวัฒจา จากโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน